Tips to get rid of bloating belly this summer
พุงป่องเรียกได้ว่าเป็นปัญหากวนใจที่คอยตามหลอนสาวๆ ส่วนใหญ่ จนทำให้เสียความมั่นใจได้ง่าย และโดยเฉพาะในวันที่อยากโชว์หุ่นใส่เสื้อผ้าเข้ารูป แต่สุดท้ายก็โดนดับฝันเพราะต้องหาอะไรมาปิดพุงแทน ซึ่งพุงป่องเกิดได้ความผิดปกติในลำไส้และระบบขับถ่ายที่ทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องผูกจนพุงป่องขึ้นมาได้
แต่สาวๆ รู้ไหมคะว่าแค่ปรับการใช้ชีวิตประจำวัน ก็สามารถลดการเกิดปัญหาพุงป่องไม่ให้เป็นปัญหาเรื้อรังที่คอยกวนใจได้แล้ว แค่ทำตาม 7 เคล็ดลับง่ายๆ ที่เรานำมาฝากดังต่อไปนี้
1. หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ
ใครจะคิดว่าการดื่มน้ำโดยใช้หลอด เป็นการเพิ่มแก๊สเข้าไปในลำไส้โดยที่คุณไม่รู้ตัว เพราะการที่น้ำจะถูกดันและลำเลียงขึ้นมาตามหลอดได้ ต้องอาศัยอากาศเป็นแรงดันเข้ามาช่วยด้วยไงหละ ดังนั้นการที่เราใช้หลอดเพื่อดูดน้ำก็เท่ากับเรากำลังดูดและกลืนอากาศลงไป เกิดเป็นแก๊สสะสมในลำใส่จนเกิดอาการท้องอืดขึ้นมา รู้แบบนี้แล้วเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงนะจ๊ะสาวๆ
2. ลดการทานอาหารแปรรูป
อาหารแปรรูปไม่เพียงแค่มีสารอาหารต่ำ แต่ยังมีเส้นใยอาหารซึ่งเป็นสิ่งที่ลำไส้ของคุณต้องการอยู่น้อยมากด้วย หากร่างกายได้รับใยอาหารไม่เพียงพอก็จะส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายแปรปรวน จนเกิดอาการท้องอืดหรือท้องผูก เกิดการสะสมของเสียและสารพิษตกค้างในร่างกายเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นควรเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงใหม่สด เน้นรับประทานผลไม้และผักใบเขียวที่มีกากใยสูง เพื่อส่งเสริมการทำงานของลำไส้ในการย่อย ดูดซึมสารอาหาร และกำจัดพิษออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ลดอาหารไขมันสูงและรสหวานจัด
อาหารที่มีไขมันและคอเรสเตอร์รอลสูง ยกตัวอย่างเช่นอาหารฟาสท์ฟู้ด ที่มักจะย่อยได้ยาก ร่างกายต้องใช้เวลานานกว่าจะย่อยเสร็จ และเมื่อมีอาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานขึ้น ก็จะทำให้มีอาการท้องอืดได้ง่ายขึ้น รวมถึงขนมหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวานจัดก็ทำให้ระบบขับถ่ายรวนได้ เพราะน้ำตาลจากของหวานจะเข้าไปแย่งน้ำจากร่างกาย ทำให้น้ำไม่พอส่งผลต่อการขับถ่าย เกิดเป็นอาการท้องผูก
4. ดื่มน้ำเลมอนหรือน้ำมะนาว
โพแทสเซียมในเลมอนหรือมะนาวช่วยต่อสู้กับอาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อยได้เป็นอย่างดี เพราะช่วยเพิ่มการหดตัวของกล้ามเนื้อในลำไส้ ทำให้สามารถย่อยและเคลื่อนย้ายกากอาหารที่ผ่านการย่อยเข้าสู่ระบบขับถ่ายได้รวดเร็วขึ้น จึงช่วยลดและป้องกันอาการท้องผูกและอาการท้องอืดเพราะอาหารไม่ย่อยได้
5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยให้คุณแข็งแรง แต่ยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารของคุณทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย จึงเป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้ คุณสามารถออกกำลังง่ายๆ แม้ไม่มีอุปกรณ์หรือไม่ได้ไปฟิตเนส โดยการเดินขึ้น-ลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์ หรือทำท่าออกกำลังกายที่สามารถหาดูได้ง่ายตามสื่ออนไลน์ต่างๆ
6. ทานโยเกิร์ตมากขึ้น
การทานกรีกโยเกิร์ต หรือโยเกิร์ตไขมันต่ำ ที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์โพรไบโอติก ซึ่งช่วยรักษาสมดุลให้กับระบบทางเดินอาหาร ทำให้การย่อย การดูดซึมสารอาหารและการขับถ่ายของเสียเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเกิดจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในระบบย่อยอาหารอีกด้วย
7. ดีท็อกซ์ปรับสมดุลลำไส้
เราไม่รู้หรอกว่าในหนึ่งวันเราเผลอทานอะไรที่ให้ผลเสียต่อร่างกายเข้าไปบ้าง หรือแม้แต่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ การใช้ตัวช่วยอย่างเครื่องดื่มดีท็อกซ์ไฟเบอร์อย่าง DailyPlus จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยคนไม่มีเวลาได้ดีมาก เพราะมีไฟเบอร์ที่เข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายให้สามารถนำของเสียออกร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากทานคู่กับ Daily Go ตัวช่วยดักจับไขมันและเพิ่มการเผาผลาญ ร่างกายก็จะยิ่งกำจัดสารพิษและไขมันตกค้างออกมาได้ดีขึ้นไปอีกเท่าตัว ที่นี้ลำไส้ก็จะทำหน้าที่ในการย่อย ดูดซึมสารอาหาร และขจัดของเสียได้อย่างดีเยี่ยม หมดปัญหาท้องอืดหรือท้องผูกเรื้อรัง ไม่ต้องค่อยกังวลเรื่องพุงป่องอีกต่อไป