Fast shipping on all orders
  Sign up to our newsletter and receive exclusive offers and promotions!

Post

Stay productive and overcome sleepy feeling during the day

อาการง่วงนอนในที่ทำงาน (หรือแม้แต่ในห้องเรียน) เป็นปัญหาที่คอยกวนใจชาวออฟฟิศอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในวันที่มีงานสำคัญรอให้สะสางอยู่เต็มไปหมด จึงเป็นการยากที่จะทำตามแผนให้สำเร็จ เพราะเราไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้เกิดความง่วงได้ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เราง่วงและหมดแรงระหว่างทำงานได้บ้าง มาไขข้อสงสัยเพื่อหาทางแก้ไปด้วยกัน

แก้ง่วงบ่อย-แก้ง่วงตอนทำงาน-ทำไมง่วงบ่อย-ง่วงเพราะอะไร

สาเหตุที่ทำให้เราง่วงนอนระหว่างวัน

- การนอนไม่เป็นเวลาทำให้ร่างกายไม่สามารถหลั่งสารเมลาโทนินหรือสารที่ทำให้รู้สึกง่วงนอนออกมาได้ตามปกติ รวมทั้งการนอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเวลาในการพักผ่อนที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 8 ชั่วโมง

- โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหอบหืด ภาวะหัวใจล้มเหลว ข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคที่เกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคลมหลับ และโรคนอนไม่หลับ

- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หากดื่มในปริมาณมากก็จะส่งผลต่อการนอนหลับอย่างมีคุณภาพในตอนกลางคืน ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอจนรู้สึกง่วงนอนในช่วงกลางวันได้

- การรับประทานอาหารมากเกินไป ทำให้ต้องใช้พลังงานในการย่อยมากขึ้น ร่างกายซึ่งสูญเสียพลังงานไปกับขั้นนี้มากจึงเกิดความอ่อนล้านำมาซึ่งอาการง่วงนอน

- การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ส่งผลให้ร่างกายต้องเร่งผลิตอินซูลิน ออกมาเพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่ น้ำตาลกลูโคสในเลือดจึงลดลงอย่างรวดเร็วจนส่งผลให้ระดับพลังงานลดลงอย่างฉับพลัน จึงทำให้รู้สึกง่วงนอน

แก้ง่วงบ่อย-แก้ง่วงตอนทำงาน-ทำไมง่วงบ่อย-ง่วงเพราะอะไร

วิธีแก้ง่วงนอนที่ได้ผลแน่นอน

- ปรับนิสัยการนอนให้เป็นเวลา พยายามนอนก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายจะผลิตเมลาโทนินออกมาได้มาก (และเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุดด้วย) ควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง การนอนอย่างมีคุณภาพและเพียงพอทำให้ร่างกายได้พักอย่างเต็มที่ คุณจึงไม่รู้สึกเหนื่อยจนเกิดอาการง่วงระหว่างวัน

- งีบหลับแก้ง่วงถ้าช่วงไหนงานหนักจนหลีกเลี่ยงการนอนน้อยไม่ได้จริงๆ แล้วรู้สึกง่วงมากระหว่างทำงาน ลองงีบหลับครั้งละ 5-20 นาที ก็สามารถช่วยคลายความง่วงได้ แต่ถ้าไม่สะดวกจะงีบจริงๆ อาจลองเดินหรือลองยืดเส้นยืดสายประมาณ 10-15 นาทีแทนก็ได้

- ดื่มน้ำเยอะๆ น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญในร่างกายที่ช่วยให้ระบบต่างๆ ทำงานได้ตามปกติ การขาดน้ำจึงส่งผลให้เกิดความอ่อนล้าและนำมาซึ่งอาการง่วงนอนได้ ดังนั้นคุณจึงต้องดื่มน้ำให้ได้ตลอดทั้งวันอย่างสม่ำเสมอ โดยดื่มครั้งละ 1 แก้ว ตั้งแต่หลังตื่นนอน หลังอาหารทุกมื้อ และทุก 1 ชั่วโมงครึ่งในระหว่างวัน เพื่อรักษาสมดุลและความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย

- รับประทานอาหารในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะมื้อเที่ยงไม่ควรเกินบ่าย 1 - บ่าย 2 โมง และทานในปริมาณที่เหมาะสมด้วย เพราะอย่างที่เราบอกไปว่ายิ่งทานเยอะก็ยิ่งต้องใช้พลังงานไปย่อยเยอะจนทำให้เรารู้สึกเพลีย หรือแม้แต่ทานมากไปร่างกายอาจย่อยอาหารไม่ทัน ก็ทำให้เกิดอาการท้องอืดและรู้สึกอัดอัดตามมาได้ด้วย

- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน น้ำตาลและแป้งขัดขาว ในปริมาณมากเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับเหมาะสม หากหิวระหว่างวันให้ทานขนมขบเคี้ยวที่มีประโยชน์ เช่น ถั่วหรือธัญพืช โยเกิร์ตไขมันต่ำน้ำตาลน้อย

- ทานอาหารให้พลังงานสูงอย่างเหมาะสม ในมื้อเช้าและเที่ยง เลือกทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ปลา และไข่ ควบคู่กับผักใบเขียวที่ให้ธาตุเหล็ก รวมทั้งธัญพืชและพืชตระกูลถั่ว โดยที่เหล็กจะเพิ่มการผลิตฮีโมโกลบินซึ่งเป็นตัวพาออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย และคาร์โบไฮเดรตมีหน้าที่ส่งกลูโคสไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อเป็นพลังงานให้ร่างกายทำงานได้ การที่คุณได้รับสารอาหารและพลังงานอย่างเพียงพอก็จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกอ่อนล้าและง่วงในตอนบ่าย

เห็นไหมคะว่าแค่ปรับพฤติกรรม โดยเฉพาะการรับประทานให้เหมาะสมก็จะช่วยให้คุณมีพลังงานเต็มเปี่ยมเพื่อใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้าและง่วงนอน จะเห็นได้ว่าอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน ยังคงเป็นตัวร้ายที่คอยทำลายสุขภาพเสมอหากเรารับประทานมากไป

สำหรับบางคนที่ติดกินแป้งกินหวานเป็นชีวิตจิตใจไปแล้วอาจจะยากสักหน่อยที่จะให้ลดของพวกนี้ หรือแม้แต่บางคนที่อยากลด ละ เลิก แต่ก็เลือกทานได้ลำบากเพราะข้อจำกัดจากรูปแบบการใช้ชีวิต ก็อาจจะลองมองหาตัวช่วยอย่าง Slimingo Daily Go ที่มีสารสกัดธรรมชาติ เช่น Green Coffee Beans Extract ที่ช่วยบล็อกแป้ง ไขมันไม่ให้ไปสะสมในร่างกาย สารสกัดจาก Capsicum Extract กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และสารสกัดจาก Cactus Extract ช่วยส่งผ่านไขมันที่ถูกดูดซึมไม่หมดไปยังระบบขับถ่าย และอีกหนึ่งตัวช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของ Daily Go ให้บล็อกและเบิร์นไขมันได้ดียิ่งขึ้น อย่าง Slimingo Daily Plus ที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ โดยใน 1 ซอง ให้ไฟเบอร์สูงเทียบเท่ากับการทานสลัดผักถึง 3 ชามใหญ่ และมีทั้งไฟเบอร์แบบละลายน้ำที่ช่วยดักจับไขมันก่อนถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก และไฟเบอร์ไม่ละลายน้ำทำหน้าที่ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ช่วยให้สามารถขับถ่ายได้ดี จึงไม่มีไขมันและสารพิษตกค้างในลำไส้