How can you have a good shape when you still don’t understand your metabolism?
สาวๆรู้มั้ยคะว่าแค่รู้จัก “ระบบเผาผลาญ” ก็ทํา ให้คุณ หุ่นดี
ระบบเผาผลาญ อยู่ๆคํานี้ก็กลายเป็นคํายอดฮิตขึ้นมาสําหรับคนที่อ้วน น้ําหนักขึ้น ใครๆก็เอาแต่พูดกันว่า “ก็ระบบเผาผลาญเสื่อมเราเลยอ้วนขึ้น” หรือ “น่าอิจฉาจังเลย...ระบบเผาผลาญดี กินยังไงก็ไม่อ้วน” ดูอะไรๆก็เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญใช่มั้ยคะ แล้วอะไรคือระบบเผาผลาญล่ะ
ระบบเผาผลาญคืออะไร?
ระบบเผาผลาญ (Metabolism) คือ การะบวนการเปลี่ยนแปลงทางเคมีโดยร่างกาย โดยร่างกายจะเปลี่ยสารอาหารที่ได้รับเข้าจากการรับประทานอาหารกลายเป็นพลังงานเพื่อใช้ในการทํากิจกรรมต่างๆในชีวิตประจําวัน โดยปกติแล้ว ร่างกายของเราจะมีการเผาผลาญตลอดเวลา แม้ว่าเราจะอยู่นิ่งๆ หรือแม้กระทั่งเวลาที่เรานอนหลับ ส่วนนี้เราเรียกว่า “อัตราการเผาผลาญขั้นพื้นฐาน” ซึ่งแต่ละคนนั้นจะมีอัตราการเผาผลาญพื้นฐานที่แตกต่างกันออกไป และเมื่อเราออกกําลังกาย หรือว่าทํากิจกรรมที่มีการใช้แรงมากยิ่งขึ้นก็จะทําให้ร่างกายมีอัตราการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอัตราการเผาผลาญของร่างกายในแต่ละวันนั้นมีชื่อเรียกว่า Basal Metabol ic Rate (BMR) ยิ่งถ้า BMR สูงมาก ก็ยิ่งทําให้เราอ้วนยากขึ้นตามไปด้วยค่ะ
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าระบบเผาผลาญของเรายังดีอยู่?
โดย ปกติแล้ว ร่างกายของเราแต่ละคนนั้นจะมีความสามารถในการเผาผลาญไม่เท่ากัน ในผู้ชายนั้ นจะมีความสามารถในการเผาผลาญมากกว่าผู้หญิงเพราะร่างกายของผู้ชายนั้นมีกล้ามเนื้อมากกว่า ในขณะที่ผู้หญิงนั้นจะมีไขมันมากกว่าผู้ชาย นั่นเป็นเพราะว่าฮอร์โมนเพศนั่นเอง
สาเหตุที่ทําให้ระบบเผาผลาญของเราเปลี่ยนไป
- อายุ
โดย ปกติแล้ว ระบบเผาผลาญของเราจะค่อยๆเสื่อมไปตามธรรมชาติ โดยในทุกๆ 10 ปี ระบบเผาผลาญของเรา จะถดถอยลง 5% ดังนั้นเราจึงอ้วนง่ายขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น - ความเครียด
ความเครียดนั้นส่งผลกระทบโดยตรงกับการทํางานของต่อมไร้ท่อจึงทําให้เกิดผลกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ระบบในร่างกายรวน จึงส่งผลต่อความสามารถในการเผาผลาญของร่างกายด้วย - การอดอาหาร
การอดอาหารนั้นทําให้ร่างกายของเราน้ําหนักลดลงได้ก็จริง แต่ว่าสิ่งที่ตามมาเมื่อเราอดอาหาร ไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนก็จะทําให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะจําศีลเพราะกลัวตาย ร่างกายจึงลดความสามารถในการเผาผลาญลงเพื่อรักษาชีวิตไว้ เมื่อเรากลับมาทานอาหารในปริมาณที่ปกติอีกครั้งก็จะทําให้ร่างกายเราเข้าสู่ภาวะ “โยโย่” - สารพิษและไขมันตกค้างในร่างกาย
เพราะสารพิษและไขมันที่ตกค้างสะสมในร่างกายนั้นส่งผลต่อการทํางานของต่อมไทรอยด์ ที่เป็นต่อมที่หลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ที่มีผลต่อการเผาผลาญของร่างกายโดยตรง ซึ่งส่งผลให้ระบบเผาผลาญแย่ลงกว่าเดิมถึง 30% หรือเรียกได้ว่า ระบบเผาผลาญของร่างกายนั้นจะแก่เกินกว่าอายุจริงเป็นสิบปี นั่นเป็ นเหตุผลที่ทําไมเราถึงต้องพิถีพิถันในการเลือกและวิธี การปรุงอา
เช็ค ด่วน! หากคุณเคยทําสิ่งเหล่านี้ นั่นเปลว่าคุณกําลังทําให้ระบบเผาผลาญของคุณถดถอยแล้ว
- อดอาหาร กินน้อยมากๆ
- ออกกําลังกายหนัก หักโหม
- พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนน้อยหลับไม่สนิท
- เครียดตลอดเวลา
- กินยาลดความอ้วน
ถ้าคุณเคยทําสิ่งเหล่านี้ คุณจําเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อฟื้นฟูระบบเผาผลาญแล้ว
สิ่งที่คุณต้องทํามีเพียงแค่ 3 ข้อ นั่นคือ
- ปรับเป้าหมาย “หยุดคิดเรื่องน้ําหนัก พักไว้ก่อน ให้โฟกัสกับระบบเผาผลาญก่อน” เพราะว่าคุณกลับมากินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายหลังจากที่อดอาหารมานาน แน่นอนว่าน้ําหนักคุณจะขึ้นแน่นอน แต่ไม่ต้องไปกังวลกับมันค่ะ เพราะเรามีเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้นคือ เราต้องการปรับระบบเผาผลาญ แรกๆอาจจะยาก แต่อดทนหน่อยแล้วเราจะเริ่มปรับตัวได้ค่ะ
- ปรับเรื่องการรับประทานอาหาร “เลือกให้เป็น ปรุงให้น้อยลง” การเลือกอาหารนั้นเป็นสิ่งที่สําคัญมากในการฟื้นฟูระบบเผาผลาญ ควรเลือกอาหารจากสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม และเลี่ยงอาหารที่ผ่านกระบวนการการแปรรูป หรือการขัดสี และหากเป็นไปได้ ควรลดการปรุงอาหารลง ลดน้ําตาล น้ําปลา และเกลือได้จะดีมาก เพราะน้ําตาลหากได้รับมากไปก็จะทําให้ร่างกายแก่เร็วกว่าเดิม ส่วนน้ําปลาและเกลือนั้นมีโซเดียมสูงก็จะทําให้เราบวมน้ํา เสี่ยงต่อการเป็นโรคไตด้วย
- ปรับการออกกําลังกาย “เวทให้มากขึ้น โฟกัสการสร้างกล้ามเนื้อ ควบคู่กับการคาร์ดิโอ” ไม่ต้องกลัวว่าเราจะล่ําแบบผู้ชาย เพราะแม้แต่ผู้ชายเองการสร้างกล้ามเนื้อนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องยากเช่นกันเนื่องจากเราต้องเล่นให้ถึง และเล่นให้ถูกวิธี อีกทั้งต้องได้รับสารอาหารและการพักผ่อนที่เพียงพอด้วย กล้ามเนื้อจึงจะเพิ่มขึ้น และเมื่อกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นก็จะทําให้ร่างกายมีระบบการเผาผลลาญดีขึ้นโดยอัตโนมัติ เนื่องจากกล้ามเนื้อนั้นเปรียบเสมือนกับเตาเผาไขมันนั่นเอง ยิ่งมีมาก ยิ่งเผามาก คราวนี้ก็อ้วนยากแล้วค่ะ