Do you know if you lose weight the wrong way it could lead to Yoyo Effect?
โยโย่เอฟเฟค (Yoyo Effect) คือภาวะที่ร่างกายเข้าสู่ ภาวะการเอาชีวิตรอด เนื่องจากภาวะการขาดสมดุลของร่างกาย เพราะการทำอะไรที่มากเกินไป เช่น ออกกำลังกายมากเกินไป อดอาหารอย่างหนัก กินยาลดความอ้วนจนน้ำหนัก หรือจากสาเหตุอื่นๆที่ทำให้น้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้ร่างกายเข้าใจผิดคิดว่าร่างกายกำลังจะตาย เพื่อไม่ให้ร่างกายของเราตาย สมองของเราจึงสั่งการให้ร่างกายของเราพยายามเอาชีวิตรอด จึงทำให้เราเข้าสู่โหมดจำศีล และสิ่งที่ร่างกายจะทำเป็นอันดับต่อมาก็คือ การสลายกล้ามเนื้อต่างๆเพื่อดึงมาใช้เป็นพลังงาน ซึ่งเมื่อร่างกายมาถึงจุดนี้จะดูซูบผอม และไม่แข็งแรง ซึ่งเมื่อเรากลับมาทานที่ปริมาณปกติ ร่างกายเราที่สูญเสียกล้ามเนื้อไปแล้วจึงทำให้ร่างกายน้ำหนักกลับมาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่น้ำหนักลดลงไปได้ไม่นาน ซึ่งภาวะนี้เองที่เรียกว่า “โยโย่เอฟเฟค”
สาเหตุของการเกิดโยโย่เอฟเฟค
จากโภชนาการไม่ถูกต้องโภชนาการไม่ถูกต้อง ไม่ได้เกิดจากการเลือกอาหารไม่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว แต่ว่าเกิดจากการอดอาหาร หรือข้ามมื้ออาหารไป จึงทำให้ได้รับพลังงานงานน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการมากเกินไป ร่างกายจึงไปดึงพลังงานมาใช้จากการสลายกล้ามเนื้อ ซึ่งกล้ามเนื้อนั้นเปรียบเสมือนกับเตาเผาไขมันของร่างกาย เมื่อเตาเผาลดน้อยลง การสะสมไขมันก็จะง่ายขึ้น น้ำหนักตัวจึงดีดกลับได้อย่างรวดเร็วจากยาลดความอ้วนยาลดน้ำหนักส่วนใหญ่มักจะมีสารกดประสาทที่ทำให้ไม่รู้สึกหิว และเบื่ออาหาร นี่เองที่เป็นเหตุทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จึงทำให้ร่างกายต้องดึงพลังงานมาใช้จากการสลายกล้ามเนื้อ เหมือนกับวิธีการอดอาหาร ดังนั้นเมื่อหยุดยาแล้วกลับมารับประทานอาหารปกติก็จะทำให้น้ำหนักตัวดีดกลับอย่างรวดเร็วจากการออกกำลังกายมากเกินไปการออกกำลังกายที่มากเกินไปนั้นเป็นการทำร้ายร่างกายทางอ้อม หากไม่ดูแลอาหารให้เพียงพอกับที่ร่างกายต่องกาน เพราะการออกกำลังกายนั้น กล้ามเนื้อจะได้รับอาการบาดเจ็บจึงทำให้ร่างกายต้องการสารอาหารไปซ่อมร่างกาย แต่หากเราไม่ใส่ใจเลือกทานอาหาร และไม่มีวันพักกล้ามเนื้อให้ร่างกายไม่ซ่อมแซมก็จะทำให้กล้ามเนื้อสลายได้ และเมื่อกลับมาใช้ชีวิตเช่นเดิม ไม่ออกกำลังกาย แม้ว่าจะรับประทานอาหารในปริมาณปกติก็จะทำให้น้ำหนักตัวดีดกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ปัญหาสุขภาพที่มาพร้อมกับโยโย่เอฟเฟค
ผิวหนังหย่อนคล้อยเพราะการที่น้ำหนักตัวขึ้นลงอย่างรวดเร็วขะทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยได้เนื่องจากผิวหนังไม่สามารถยืดหดตัวได้เร็วเท่ากับการเปลี่ยนแปลงขนาดของร่างกายไขมันเพิ่มขึ้นเนื่องจากการสูญเสียกล้ามเนื้อทำให้ร่างกายขาดเตาเผาไป ดังนั้นร่างกายจึงสะสมไขมันได้ง่ายขึ้นกว่าปกติ อยากอาหารเพิ่มขึ้นเนื่องจากฮอร์โมนเลปตินที่เป็นตัวช่วยให้ร่างกายเรารู้สึกอิ่มนั้นถูกหลั่งออกมาน้อยลง ทำให้ร่างกายเรารู้สึกอิ่มช้าลง ไม่อิ่ม รู้สึกหิวหรืออยากอาหารมากขึ้น เสี่ยงกับโรคและภาวะผิดปกติต่างๆการที่เกิดโยโย่เอฟเฟคกับร่างกายนั้นส่งผลโดยตรงกับการทำงานของฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย ทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน ภาวะไขมันพอกตับ โรคหัวใจ หรือมีภาวะผิดปกติกับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
วิธีการป้องกันการเกิดโยโย่เอฟเฟค
ทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ โดยที่สารอาหารจะต้องครบถ้วน โดยควบคุมแคลอรี่ให้ไม่น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการมากจนเกินไป โดยอ้างอิงจากการคำนวณ BMI เพื่อให้ได้จำนวนแคลอรี่ที่เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการออกกำลังกายเบาๆเช่น การเดินเร็ว เดินแกว่งแขน เพื่อช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้นหลีกเลี่ยงการรับประทานของหวาน เค้ก เบเกอรี กาแฟ น้ำอัดลม ชานมไข่มุก เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้นั้นอุดมไปด้วยน้ำตาลจำนวนมาก ซึ่งอาจจะเป็นตัวไปกระตุ้นให้การเกิดโยโย่เอฟเฟคได้เร็วและมากขึ้น นอนหลับให้เพียงพอเพราะการนอนหลับเป็นการฟื้นฟูร่างกายที่ดีที่สุด ในภาวะที่เรานอนหลับ ร่างกายของเราจะนำสารอาหารที่เรารับประทานมาซ่อมแซมร่างกาย อีกทั้งตอนนอนหลับ ร่างกายจะไม่หลั่งฮอร์โมนให้รู้สึกหิวด้วย
ไม่ละเลยอาหารมื้อเช้าเพราะมื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเริ่มทำการเผาผลาญในแต่ละวัน หากเราอดมื้อเข้าจะทำให้ร่างกายลดการเผาผลาญทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น รู้อย่างนี้แล้ว การอยู่ในภาวะโยโย่เอฟเฟคนั้นไม่สนุกเลยใช่มั้ยคะ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ หากต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงกับโย่โย่ แนะนำนี่เลย Slimingo Daily Go ที่ทำจากสารสกัดธรรมชาติ มาพร้อมกับสูตร 5B ที่ช่วยบล็อคและเบิร์นไขมัน โดยไม่มีสารกระตุ้น และสารกดประสาท ให้คุณกลับมาหุ่นเป๊ะได้โดยไม่อันตราย ง่ายเพียงวันละเม็ดก่อนมื้อหนักเท่านั้น!