Schneller Versand für alle Bestellungen
  Melden Sie sich für unseren Newsletter an und erhalten Sie exklusive Angebote und Aktionen!
Post

Get rid of chin acne by improving your gut health

สิวอักเสบที่มักเป็นกันมากช่วงวัยรุ่น เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศที่เริ่มทำงาน แต่สำหรับตามบางคนที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้วกลับยังมีปัญหาสิวอักเสบเรื้อรังให้รำคาญใจบ่อยๆนั้น นอกจากความผิดปกติของฮอร์โมนแล้ว ก็ยังมีสาเหตุอื่นที่มาจากรูปแบบการใช้ชีวิตได้ ซึ่งความผิดปกติในลำไส้ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่หลายคนอาจยังไม่รู้

ปัญหาที่ลำไส้ ส่งผลร้ายมาถึงสุขภาพผิวหนัง

อาการสิวอักเสบ นอกจากเป็นเพราะการติดเชื้ออักเสบของรูขุมขน จนเกิดเป็นหนองเล็กๆ ขึ้นมาที่ผิวแล้ว ในมุมมองของการแพทย์แผนจีนยังมองว่า มีสาเหตุมาจากระบบลำไส้ที่ไม่ปกติได้ด้วย ซึ่งตามทฤษฎีการแพทย์แผนจีนระบุไว้ว่า ปอด ลำไส้ใหญ่ และผิวหนังจะทำงานสัมพันธ์ ดังนั้นใครที่มีปัญหาเรื่องลำไส้ก็จะแสดงอาการออกมาที่สุขภาพผิวด้วย จากการซักประวัติย้อนหลังในคนที่เป็นสิวอักเสบเรื้อรังไม่หายสักที มักพบว่าส่วนมากมักมีปัญหาในการขับถ่ายอย่างอาการท้องผูก หรือลำไส้อักเสบร่วมด้วย ซึ่งอุจจาระที่ตกค้างในลำไส้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสารพิษสะสม สามารถส่งผลต่อสุขภาพทั้งเกิดอาการนอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย แก่เร็ว มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้หากปล่อยไว้นานๆ ในส่วนของการเกิดซึ่งมักเป็นสิวหัวใหญ่ๆที่บริเวณปากและคาง มากกว่าบนส่วนอื่นของใบหน้านั้น เป็นเพราะผิวบริเวณนี้สัมพันธ์กับระบบย่อยโดยตรง

ระบบย่อยพัง ทำให้เกิดสิวได้อย่างไร

มุมมองนี้ยังสอดคล้องกับความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบันที่ว่า ในระบบกระเพาะและลำไส้ของเรา มีหน้าที่หลักอย่างหนึ่งคือการย่อยทำลายสิ่งแปลกปลอมให้หมดไปจากอาหารที่เราทาน โดยส่วนหนึ่งจะเป็นเชื้อโรคและแบคทีเรียปนเปื้อนที่จะถูกย่อยสลายไป แต่อีกส่วนหนึ่งจะเป็นการย่อยโปรตีนให้เหลือแต่ Amino Acid และ Peptide สายสั้นๆ เพื่อทำลายความเป็น Antigenicity หรือลักษณะจำเพาะของโปรตีน หากระบบย่อยและดูดซึมสารอาหารของเราทำได้ดี สุขภาพของเราก็จะดีตาม แต่ในคนที่ระบบย่อยมีปัญหาก็จะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ เพราะหากไม่สามารถย่อยสายโปรตีนได้หมด จนทำให้สายโปรตีนหลุดรอดเข้าไปในกระแสเลือดผ่านเข้าไปในผนังลำไส้ได้ เซลล์ภูมิต้านทานจำนวนมหาศาลในลำไส้และระบบเลือด จะมองว่าโปรตีนที่ย่อยไม่ละเอียดเหล่านี้เป็นโปรตีนแปลกปลอมของเชื้อโรค ระบบภูมิต้านทานการอักเสบก็จะถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอยู่เรื่อยๆ ซึ่งการอักเสบจะไปปรากฏที่ผิวทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบขึ้นมา

รักษาสิว-สิวที่คาง-สิวเรื้อรัง-ดีท็อกซ์-detox-ลำไส้-ลดน้ำหนัก-ลดความอ้วน

หยุดปัญหาที่ระบบลำไส้ …

Post

Avoid sitting too long to prevent colorectal cancer

นั่งทำงานนานๆ ไม่ใช่แค่เสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรมตามที่หลายคนกังวลเท่านั้นนะ แต่ยังส่งผลเสียไปถึงข้างในร่างกาย ตั้งแต่การเกิดอาการท้องผูกจนถึงขั้นกลายเป็นมะเร็งลำไส้ได้เลย ถ้าปล่อยไว้นานเกินไป

ทำไมการนั่งนานๆ ถึงอันตรายได้?

การนั่งนานๆ คือหนึ่งในพฤติกรรมผิดๆ ที่เป็นสาเหตุของอาการท้องผูกได้ ถ้าใครที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ทานแต่อาหารที่มีไขมัน เนื้อสัตว์ หรือแป้งมากเกินไปด้วยแล้ว ก็จะส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ที่มีการบีบตัวน้อยลงและเกิดอาการท้องผูกในที่สุด (ท้องผูกคือการถ่ายอุจจาระประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์) ยิ่งเรามีพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพดังกล่าว แล้วยังชอบนั่งทำงานนานๆ อีก ก็ยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น การผลิตอินซูลินผิดปกติ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งลำไส้ และเกิดการอักเสบภายในร่างกาย

การนั่งนานๆ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ได้อย่างไร

จากผลการวิจัยพบว่า การนั่งทำงานติดต่อกันในทุกๆ 2 ชั่วโมง จะเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ 8% และมะเร็งมดลูก 10% แม้แต่การนั่งดูทีวี หรือเล่น Facebook เป็นเวลานานๆ ก็เพิ่มโอกาสเสี่ยงได้ถึง 54% ถ้าระหว่างนั้นทานขนมกรุบกรอบ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือน้ำอัดลมไปด้วย ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นเป็นเท่าตัว หากเรามีอาการท้องผูกเรื้อรังอยู่แล้ว ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็เพิ่มสูงขึ้นไปอีก เพราะอาการท้องผูกเกิดจากระบบลำไส้ทำงานไม่ปกตินั่นเอง

นั่งทำงานนาน-ปัญหา-มะเร็ง-ลำไส้-ดีท็อกซ์-detox-อาหารเสริม-ลดน้ำหนัก-ลดความอ้วน

พฤติกรรมที่กระตุ้นความเสี่ยงของโรค

การมีระบบขับถ่ายที่ไม่ดี ทำให้ของเสียถูกเก็บสะสมเอาไว้ในร่างกาย ปล่อยไว้นานวันเข้าก็จะกลายเป็นสารพิษตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ ที่สามารถทำให้เกิดอันตรายกับลำไส้ในอนาคตได้ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น แล้วไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนั่งนานๆ …

Post

Why Slimingo? A secret tip from a customer “Loss 5 kg within 1 month”

อาหารเสริม-ลดน้ำหนัก-ลดความอ้วน-ท้องผูก-พุงป่อง-รีวิว-ใช้จริง-ปลอดภัย-detox-diet

แชร์ประสบการณ์จากผู้ใช้ Slimingo (คุณบี)

“ตัวใกล้แตกแล้วนะ อยากเป็นอายุน้อยร้อยโลเหรอ” ประโยคนี้แหละค่ะทำให้เราฮึดและเริ่มวางแผนลดน้ำหนักอย่างจริงจัง จนตอนนี้เราลดมาได้ 14 กก. แล้ว และเราลดได้มากถึง 5 กก. หลังผ่านไปได้ 1 เดือนเท่านั้น

ก่อนเริ่มเรื่องเราขอบอกไว้ก่อนนะว่าเราเน้นลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไปเพราะเรานึกถึงสุขภาพระยะยาว กว่าจะได้มา 14 กก. นี่คือก็ใช้เวลาสักพัก โดยรวมเรายังโอเคกับผลลัพธ์และจะยังใช้วิธีนี้ต่อเพราะอยากลดอีกสัก 5-6 กก.

ส่วนตัวแล้วเราว่าเราเป็นคนอ้วนง่าย หุ่นก็จะอวบๆ มาแต่ไหนแต่ไร ตอนเด็กๆ ก็ยังไม่รู้สึกแบบนี้หรอกจนพออายุเลย 25 แล้ว เห็นได้ชัดเลยเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนสนิทที่ทานเก่งพอกัน (ชอบชวนกันไปจัดมื้อใหญ่บ่อยๆ ด้วย) กลายเป็นเราที่น้ำหนักขึ้นเก่ง ขึ้นแซงหน้าเขามาเป็น 10 กก. แถมพอน้ำหนักขึ้นก็ลดยากอีก ด้วยความขี้เกียจเราเลยค่อนข้างปล่อย ทานตามใจชอบเหมือนเดิม ออกกำลังกายบ้าง (1-2 อาทิตย์ต่อครั้ง) จากที่น้ำหนักคงตัวที่ 53 กก. สูง 162 ซม. ตอนอายุ 25-26 ปัจจุบัน อายุ 28 …

Post

“I WOKE UP LIKE THIS” No bloating, feeling fresh and happy by DailyPlus

ตื่นนอนทุกเช้าต้องมาเจอปัญหาพุงป่อง ถ่ายไม่คล่องต้องนั่งนาน พอทำงานก็ง่วงและรู้สึกไม่สดชื่นเอาซะเลย สาวๆ เป็นแบบนี้กันบ้างไหมคะ และเชื่อกันไหมว่าหนึ่งในสาเหตุหลักมาจากระบบลำไส้ที่ไม่สมดุล

ปัญหาลำไส้ ต้นเหตุที่ทำให้พุงป่อง หน้าหมองเป็นสิวง่าย

นาฬิกาชีวิตของเรากำหนดให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีในช่วงเช้าเพื่อนำสารพิษออกไป ดังนั้นถ้าเราไม่ได้ถ่ายในช่วงเช้าก็เท่ากับว่าเราเก็บของเสียไว้กับตัวทั้งวันและส่งผลเสียตามมาคือ

- พิษที่ไม่ถูกขับออกไปจะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด และไหลไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งเลือดที่ไม่สะอาดเมื่อไหลไปเลี้ยงหัวใจก็จะทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น

- เมื่อไปที่ปอด พิษในเลือดก็จะถูกขับออกมาทางลมหายใจและผิวหนังซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เรามีกลิ่นปากและกลิ่นตัว การท้องผูกบ่อยส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวที่ไม่สดใส เป็นสิวได้ง่าย

- ส่วนกากที่ไม่ถูกขับถ่ายออกมาก็จะหมักหมมอยู่ในลำไส้ใหญ่ ยิ่งปล่อยไว้พุงก็ยิ่งป่องขึ้น ทำให้รู้สึกอึดอัด เสียความมั่นใจ

อยากรักษาสมดุลลำไส้ อย่าลืมเติมไฟเบอร์ทุกวัน

ไฟเบอร์หรือใยอาหารที่มีมากในผัก ผลไม้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากต่อการทำงานของระบบลำไส้ เพราะเป็นตัวที่ช่วยดูดซับสารพิษจากอาหารที่เราทานเข้าไปไม่ให้ไปเกาะและตกค้างตามผนังลำไส้ ช่วยให้อุจจาระของเรานิ่มขึ้นจึงทำให้ของเสียถูกขับถ่ายออกมาได้ง่าย นอกจากจะพุงยุบสมใจ การที่ร่างกายไม่มีพิษสะสมยังทำให้ระบบอื่นๆ ทำงานได้ดี ส่งผลดีออกมาจากภายในสู่ภายนอกในการมีสุขภาพผิวที่ดี รู้สึกสดชื่นในทุกวัน ซึ่งในหนึ่งวันร่างกายของเราต้องการไฟเบอร์ประมาณ 2500 มก. เทียบเท่ากับการทานผักให้ได้ประมาณ 400 กรัม นั่นแปลว่าในอาหาร 1 มื้อ ต้องมีผักในนั้น 50% จากอาหารที่ทานทั้งหมด ใครชอบทานผักก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่ชอบก็ควรเริ่มปรับนิสัยการทานแล้วนะ

อาหารเสริม-ลดน้ำหนัก-ลดความอ้วน-ท้องผูก-ท้องอืด-ท้องป่อง-พุงป่อง

เคล็ดลับเติมไฟเบอร์ง่ายๆ พุงสลาย สบายตัวทั้งวัน

ถ้าการทานผักให้ได้มากๆ …

Post

Diet pills VS Dietary supplement

ความอ้วนเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของสังคมไทย เพราะเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย และยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาง่าย เช่น โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานหรือโรคหลอดเลือดหัวใจ

นอกจากปัญหาสุขภาพแล้ว ค่านิยมของคนในปัจจุบันโดยเฉพาะผู้หญิง จะให้ความสำคัญกับการมีรูปร่างผอมเพรียว ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วนออกวางขายในท้องตลาดมากมาย ไม่ว่าจะมาในรูปของอาหารเสริมหรือยา ที่มีสรรพคุณและจุดเด่นต่างกันไป แต่ด้วยความที่สาวๆ ส่วนใหญ่มักใจร้อน อยากมีหุ่นสวยไวไว จึงไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างเพียงพอ เกิดการใช้ยาลดความอ้วนเกินขนาดและผิดประเภทจนเกิดอันตรายถึงชีวิต แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าตัวเราเหมาะกับผลิตภัณฑ์แบบใด

อาหารเสริม-สมุนไพร-ลดน้ำหนัก-ยาลดความอ้วน-แตกต่าง

ผลิตภัณฑ์ช่วยควบคุมน้ำหนักแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ

1.กลุ่มยาลดความอ้วนเคมี

ออกฤทธิ์โดยตรงกับระบบการทำงานของร่างกาย เช่น กลุ่มยาเฟนเทอร์มีน (phentermine) หรือยาลดความหิว ความอยากอาหาร กระตุ้นร่างกายให้ไม่อยากทานอาหาร เบื่ออาหาร ซึ่งจะส่งผลข้างเคียงระหว่างทานคือ รู้สึกคอแห้ง ใจสั่น นอนไม่หลับ ท้องผูก อารมณ์แปรปรวน และปัสสาวะเป็นสีม่วง และเฟนเทอร์มีน ยังออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางและมีผลให้เกิดอาการติดยาได้ ดังนั้นผู้ที่จะใช้ยาตัวนี้ จึงต้องผ่านการวินิจฉัยอย่างเหมาะสมและควบคุมโดยแพทย์เท่านั้น จะไม่มีขายตามอินเตอร์เน็ตหรือร้านยาทั่วไป

2. กลุ่มยาลดความอ้วนที่เป็นสมุนไพร

ตัวนี้จะมีความปลอดภัยมากกว่ากลุ่มยาเคมี เพราะใช้สมุนไพรจากธรรมชาติ ซึ่งเน้นสรรพคุณของตัวสมุนไพรเป็นหลัก เช่น ดอกคำฝอยมีคุณสมบัติเป็นยาระบาย เม็ดแมงลักที่จะพองตัวในกระเพาะอาหาร ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องแต่ไม่ก่อให้เกิดพลังงาน แต่ในขณะเดียวกันการใช้สมุนไพรนั้นต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการรักษา และถ้าใช้ในปริมาณมากเกินไปก็สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้ …