Did you know that toxins accumulate in the intestines can make you "Gain weight"?
รู้หรือไม่ พิษสะสมที่ลำไส้ทำให้คุณ “อ้วน” ได้
เพราะชีวิตเราต้องเผชิญกับมาลภาวะต่างๆไม่ว่าจะทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้กระทั่งอาหารที่คุณรับประทานเข้าไปก็อาจมี สารพิษแอบแฝงได้ โดยปกติแล้วร่างกายเราสามารถขับสารพิษออกได้ตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย เช่น ขับออกทางเหงื่อ💦 ทางตับ หรือแม้กระทั่ง การขับถ่ายในรูปแบบกากอาหาร 💩
แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า แท้จริงแล้วสารพิษนั้นชอบเกาะติดอยู่ที่ผนังลำไส้ของเรา
หน้าที่สำคัญของระบบลำไส้นั่นคือ “ย่อยและดูดซึมอาหาร” “และ “การขับสารพิษ”ซึ่งหลังจากกระบวนการย่อยและดูดซึม อาหารเสร็จสิ้น ร่างกายก็จะขับของเสียที่ไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ออกมาในรูปแบบของกากอาหารเมื่อเรา อายุเพิ่มมากขึ้น ระบบการย่อยอาหารของเราก็จะมีประสิทธิภาพในการทำงานลดน้อยลงไป ดังนั้น ลำไส้ก็จะดูดซึมสารอาหารได้ ช้าลง รวมถึงการขับของเสียก็แย่ลงตามไปด้วย และเมื่อทั้งสองสิ่งนี้แย่ลง สารพิษที่ร่างกายพยายามจะขับไปพร้อมกับกาก อาหารก็จะอยู่ในลำไส้นานขึ้น นานวันเข้าสารพิษในกากอาหารก็จะถูกดูดซึมกลับไปในร่างกายอีกครั้ง จึงเกิดเป็นวงจรที่ทำให้ ร่างกายทำงานได้แย่ลง
แล้วสารพิษส่งผลต่อร่างกายอย่างไร
สารพิษนั้นแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ สารพิษที่ละลายน้ำ และสารพิษที่ละลายในไขมัน
- สารพิษที่ละลายน้ำ โอกาสที่จะถูกดูดซึมเข้าร่างกายนั้นมีได้น้อย โดยทั่วไปมักถูกขับออกโดยตับและไต
- สารพิษที่ละลายไขมัน โอกาสที่จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายนั้นมีได้มาก และมักถูกสะสมในไขมันตามส่วนต่างๆของ ร่างกาย
ซึ่งสารพิษที่มักจะถูกสะสมในลำไส้มักจะเป็นสารพิษชนิดละลายในน้ำมัน ซึ่งร่างกายจะขับออกมาในรูปแบบของกากอาหารแต่ถ้า หากกากอาหารนั้นถูกเก็บสะสมอยู่ในลำไส้ ก็จะทำให้เกิดการหมักหมมของไขมันและสารพิษ และเมื่อไม่ได้รับการขับออก ลำไส้ก็ จะดูดซึมสารพิษนั้นเข้าไปในร่างกายอีกครั้งนึง ดังนั้นหากไม่ต้องการให้สารพิษเกิดการหมักหมมในลำไส้ เราจึงต้องมีตัวช่วยให้ ลำไส้ช่วยขับกากอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผลกระทบจากสารพิษและไขมันที่สะสมในร่างกายและลำไส้คือ สารพิษจะไปลดประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย จึง ทำให้ไขมันสะสมในร่างกายง่ายยิ่งขึ้น ส่วนไขมันที่เกาะที่ลำไส้นั้นจะไปขัดขวางการดูดซึมวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ จึงทำให้ ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารเท่าที่ต้องการ เป็นสาเหตุให้ร่างกายของเราหิวตลอดเวลา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราอ้วนนั่นเอง
ไฟเบอร์ช่วยขับสารพิษในลำไส้
ไฟเบอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ไฟเบอร์แบบละลายน้ำ
- ไฟเบอร์ชนิดนี้นั้นจะช่วยจับกับคอเรสเตอรอลในลำไส้เล็ก จึงทำให้ลดภาวะเสี่ยงต่อการเป็น โรคหัวใจและความดันได้อีกด้วย โดยอาหารที่มีไฟเบอร์แบบละลายน้ำสูง ได้แก่ ข้าวโอ๊ค ถั่ว แอปเปิ้ล🍎 ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว🍋 และแครอท🥕 เป็นต้น
- ไฟเบอร์แบบไม่ละลายน้ำ .
- ไฟเบอร์ชนิดนี้จะทำหน้าที่คล้ายกับฟองน้ำที่จะดูดซับไขมัน สิ่งสกปรกตกค้าง อีกทั้งยังช่วย ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม จึงทำให้สามารถขับถ่ายได้ดีขึ้น โดยอาหารที่มีไฟเบอร์แบบไม่ละลายน้ำสูง ได้แก่แปงไม่จัดสี รำ ข้าวสาลี🌾 กะหล่ำดอก มันฝรั่ง🥔 และผักใบเขียว🥬 เป็นต้น
ดังนั้น ทางที่ดีเราจึงควรได้รับไฟเบอร์ทั้งแบบละลายน้ำ และไม่ละลายน้ำในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ซึ่ง ปริมาณของไฟเบอร์ที่ควรได้รับ อ้างอิงจาก Thai RDI นั่นคือ 25,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อให้ไฟเบอร์ช่วยลำไส้ของเราขับ สารพิษและไขมันได้ดียิ่งขึ้น
แต่สำหรับสาวๆที่ไม่มีเวลาในการเลือกซื้ออาหาร หรือทานผักไม่เก่งก็ไม่ต้องกัววลไปค่ะ เพราะ Slimingo รู้ใจสาวๆเลยออกแบบ ผลิตภัณฑ์มาช่วยสาวๆด้านนี้โดยเฉพาะ นั่นคือ Daily Plus ดีท็อกซ์ไฟเบอร์แบบชง เพียงวันละซองก่อนนอนก็ช่วยให้สาวๆ ขับถ่ายง่ายขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องพิษสะสมอีกต่อไป ที่สำคัญ ใน 1 ซองมีปริมาณไฟเบอร์ประมาณ 7,000 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับ กินสลัด 3 ชามเลย🥗🥗🥗